ในวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่บริเวณเมืองหลวงจาการ์ตาและเมืองอื่น ๆบนเกาะสุมาตราและสุลาเวสี มีการรวมตัวกันของแรงงานชาวอินโดนีเซียจำนวนหลายพันคนเริ่มประท้วงหลังมีการออกกฎหมายการแรงงานใหม่
จนถึงวันนี้เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน หลายคนนัดกันหยุดงานและเดินขบวนในหลายเมืองโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวหลายร้อยคนผู้ประท้วงกังวลในสิ่งที่เรียกว่า “กฎหมายสร้างงานฉบับใหม่” หรือ Job Creation Bill จะทำร้ายทั้งคนงานและสิ่งแวดล้อม
แต่รัฐบาลกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งเศรษฐกิจของอินโดนีเซียที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หดตัว 5.3% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
การประท้วงครั้งนี้มีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้น ตำรวจชาวอินโดนีเซียควบคุมตัวผู้ประท้วงอย่างน้อย 400 คน และยิงแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงตอบโต้ผู้ชุมนุมที่ขว้างปาก้อนหินและระเบิดขวด
การประท้วงที่เกิดความรุนแรงเช่นนี้ อาจเกิดผลกระทบที่กับประชาชนเป็นอย่างมากจนทำให้เกิดการชุมนุมเกิดขึ้น ทางเราจึงรวบรวมรายละเอียดของกฎหมายสร้างงานฉบับใหม่เพื่อให้ทราบที่มาที่ไปของการชุมนุมครั้งนี้
ทำไมต้องตรากฎหมาย?ร่างกฎหมายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้เว็บธุรกิจแรงงานและกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนของอินโดนีเซียนั้นง่ายลงเพื่อดึงดูดการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนมกราคม
ประธานาธิบดีโจโกวิโดโดออกมาให้สัมภาษณ์ว่า”เราต้องการลดความซับซ้อนของการออกใบอนุญาตและระบบราชการ เราต้องการความรวดเร็วดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการประสานกันของกฎหมาย
เพื่อสร้างบริการที่รวดเร็วการกำหนดนโยบายที่รวดเร็วเพื่อให้อินโดนีเซียสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกได้เร็วขึ้น” กฎหมายส่งผลอย่างไร?
นอกเหนือจากการเปลี่ยนระบบความล่าช้าแบบราชการแล้วการร่างกฎหมายยังเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านแรงงานของอินโดนีเซียอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนี้ยกเลิกค่าจ้างขั้นต่ำที่กำหนดโดยผู้ว่าการภูมิภาคและจะลดค่าชดเชยเป็นเงินเดือนสูงสุด 19 เดือนจาก 32 เดือนขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่พนักงานมีงานทำ
แต่อย่างไรก็ตามกองทุนใหม่ของรัฐบาลจะจ่ายเงินเพิ่มอีก 6 เดือนให้กับผู้ว่างงานใหม่ธุรกิจจะต้องให้คนงานหยุดงานสัปดาห์ละ 1 วันแทนที่จะเป็น 2 วันข้อจำกัดในการจ้างก็ลดลงเช่นกัน
เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับงานที่ชาวต่างชาติสามารถทำงานได้กฎหมายยังผ่อนปรนมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมโดยบังคับให้ธุรกิจต้องยื่นการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
หากโครงการของพวกเขามีความเสี่ยงสูงทั้งนี้รัฐควรออกมาชี้แจ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากยังเพิกเฉย คาดว่าจะมีการชุมนุมต่อไป และอาจเกิดความรุนแรงมากขึ้น
อ้างอิง BBC News