จากผู้ต้องสงสัยคดี “ฆาตกรรม” สู่ เซเลปดัง ช่วงข้ามคืน

จากผู้ต้องสงสัยคดี “ฆาตกรรม” สู่ เซเลปดัง ช่วงข้ามคืน

วันนี้เรามานำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นของลุงพลจากผู้ต้องสงสัยคดี “ฆาตกรรม” น้องชมพู่ สู่กระแส #แบนลุงพล ชวิตที่พลิกผัน กลายเป็นเซเลปดังช่วงข้ามคืน เขาเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

ลุงพล หรือ นายพล ไชย์พล วิภา เป็นลุงเขยของน้องชมพู่และผู้ต้องสงสัยคดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ #น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากบ้านพัก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหารจนเจ้าหน้าที่พบร่างเธอ ที่บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 2-3 กิโลเมตร ซึ่งในช่วงเเรกเเม่น้องชมพู่เอง มีความเคลงใจลุงพลเพราะสงสัยว่าในวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ลุงพลอยู่ที่ใด เเละทำอะไรอยู่ต่อมาการให้สัมภาษณ์ของแม่น้องชมพู่ ที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือ บวกกับมีพยานเห็นลุงพลทีสวนยาง ในเวลาเดียวกับที่น้องชมพู่หายตัวไป ทำให้ลุงพลกลายเป็นผู้บริสุทธิ์

จนเกิด #Saveลุงพล จากผู้ที่ติดตามข่าวและชาวเน็ตแสดงความเห็นใจและสงสาร ที่ลุงพลกลายเป็นเเพะรับบาป

ในช่วงเวลาเดียวกัน มีเพจดังขุดรูปลุงพลสมัยยังหนุ่ม พร้อมแสดงความคิดเห็นว่าลุงพลมีรูปลักษณ์ที่ดูดี จึงการขุดรูปลุงพลขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมาก พอลุงพลเริ่มมีชื่อเสียง สื่อต่างๆเริ่ม โฟกัสการรายงานข่าวการใช้ชีวิตประจำวันของลุงพล ตั้งเเต่การรับประทานอาหารจนกระทั่ง เฟอร์นิเจอร์ในบ้านลุงพล ทำให้หลายต่อหลายคนมองว่า การนำเสนอ เนื้อหาของลุงพลที่เยอะจนเกินงาม ไม่ก่อประโยชน์ให้เเก่ผู้รับสารเเต่อย่างใดแต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีสื่อเเห่ขอสัมภาษณ์ลุงพล มีงาน Presenter งานอีเว้นท์ เชิญลุงพลไปออกงานต่างๆรวมถึงงานพรีเซ็นต์เตอร์สินค้า มากมาย จน มีรายการทีวีรายการหนึ่งรายงานว่า รายได้ของลุงพลตั้งเเต่โลดเเล่นในวงการมา เฉียด 5 ล้านบาทไปเเล้ว

เเละไม่นานมานี้ลุงพลก็มีช่องยูทูป เป็นของตัวเองชื่อ “ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่” มีผู้ติดตามเเล้วถึง 2.1 แสนคน พร้อมด้วย ยอดวิวของคลิปที่สูงสุดถึง 1.3 ล้านวิว นอกจากนี้ ลุงพลยังมี กรุ๊ปแฟนคลับที่ตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ “ลุงพล(ไชย์พล วิภา)บ้านกกกอก แฟนคลับ” มีสมาชิกเเล้วถึง 1.4 แสนคน ท้ายที่สุดเเล้ว บางกลุ่มไม่เห็นด้วยต่อการที่ลุงพลออกสื่อมากมายเเบบนี้ เพราะมองว่าตอนนี้สังคม ควรจะให้น้ำหนักกับคดี ความคืบหน้า #น้องชมพู่ มากกว่านี้ และสื่อต่างๆรวมทั้งเจ้าของสินค้ากำลังใช้กระแสลุงพลในการหาผลประโยชน์เข้าตนเอง

เหล่าโซเชียลจึงเชิญชวนกันแบนสินค้าที่มีลุงพลเป็นพรีเซนเตอร์จนกว่าจะปิดคดีน้องชมพู่ ทั้งหมดคือที่มาของ #แบนลุงพลเมื่อเกิดกระแส #แบนลุงพล ขึ้นมาก็มีทั้งฝั่งที่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าสื่อสมัยนี้นำเสนอสิ่งที่ไม่มีประโยชน์แก่ประชาชนและไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรให้สังคม แต่ในฝั่งที่ไม่เห็นด้วยก็มองว่าลุงพลไม่ได้ผิดอะไร นี่คือโอกาสของลุงพลก็ควรจะรับไว้

ความบานปลายของเรียลลิตี้ชีวิตลุงพลเป็นเหตุให้มีหัวหน้าช่างภาพข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งลาออก เพราะทนกับสถานการณ์สื่อตอนนี้ไมไ่ด้และยอมรับถึงความเน่าเฟะกรณีข่าวลุงพล สื่อมวลชนที่หยิบยื่นให้สังคมตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา และยอมรับว่าตนเป็น 1 ในทีมงานที่ทำให้คดีน้องชมพู่กลายเป็นเรียลลิตี้ชีวิตลุงพลความแตกแยกของครอบครัว ไสยศาสตร์ ความงมงาย การมอมเมา และมองว่ามันไม่ใช่แค่การนำเสนอข่าวจากความอยากรู้ของประชาชนหรือการช่วยเหลือชาวบ้านใช้มีชีวิตที่ดีขึ้นแต่มันคือเรื่องของผลประโยชน์ สุดท้ายกล่าวขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่อยากให้ประชาชนเหมารวมสื่อมวลชนและขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนสื่อมวลชนที่ดี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *