ถือว่าเป็นคดีที่ค่อนข้างใหม่เพราะไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นบ่อยๆ กับ คดีชายชาวอเมริกันในประเทศไทยที่ถูกจับเนื่องจากเขียนบทวิจารณ์รีสอร์ตแห่งหนึ่งในเกาะช้างในเชิงลบ
คงเป็นที่สงสัยสำหรับผู้ที่อ่านข่าวเพราะ ชายอเมริกันคงไม่ใด้รีวิวหากไม่เกิดอะไรขึ้น และทางรีสอร์ตก็คงไม่ได้ตั้งข้อหาหมิ่นประมาทกับผู้เข้าพักง่ายๆ
คดีนี้เริ่มมาจาก Wesley Barnes ชายชาวอเมริกันวัย 37 ปี ที่เป็นครูสอนภาษอังกฤษอยู่ที่ประเทศไทยได้เขียนรีวิวเชิงลบ ที่มีเนื้อหาว่า
“พนักงานที่นี้ไม่เป็นมิตร ไม่มีใครยิ้มเลย ผู้จัดการร้านอาหารหยาบคาย ยังมีโรงแรมที่มีพนักงานดีกว่าเป็นมิตรกว่าที่นี่อีก ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยง ที่นี่ไม่ต่างอะไรกับไวรัสโคโรน่า”
พร้อมกับให้คะแนนการเข้าพักเพียง 1 ดาว ที่กับรีสอร์ต Sea View ที่เกาะช้าง ในแอปท่องเที่ยวอย่างแอปฯ TripAdvisor และ Google ทางเจ้าของรีสอร์ตจึงพยายามติดต่อกับบาร์นส์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่พวกเขาจะยื่นฟ้องแต่ก็ติดต่อไม่ได้
จนได้เข้าแจ้งความว่าบาร์นส์ กล่าวโพสต์ข้อความรีวิวที่ไม่เป็นธรรมต่อรีสอร์ตของพวกเขาบนเว็บไซต์ TRIPADVISOR และมองว่าเป็นการทำลายชื่อเสียง และยังมีปากเสียงกับพนักงานหลังไม่ยอมจ่ายค่าเปิดขวด
สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นำเข้ามาดื่มอีกด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงได้เดินทางมายังที่ทำงานของบาร์นส์พร้อมหมายจับ
จากนั้น เขาก็ถูกควบคุมตัวกลับไปที่เกาะช้างและถูกแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท ตั้งเงินประกันตัวเอาไว้ที่ 100,000 บาทและเขาไม่สามารถนำเงินมาจ่ายได้ในทันทีทำให้ต้องนอนคุกเป็นเวลา 2 คืน
ต่อมานายบาร์นส์ได้ขอโทษสำหรับ “ข้อความที่เป็นเท็จและไม่เป็นความจริง ที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับ Sea View บทวิจารณ์เหล่านี้เขียนขึ้นด้วยความโกรธและความมุ่งร้าย”
แถลงการณ์กล่าวว่าเขาเสียใจกับการกระทำของเขาพร้อมวอนทางโรงแรมยกโทษให้และตกลงที่จะถอนการร้องเรียน เขาตกงานจากเหตุการณ์ดังกล่าวและแสดงความกังวลว่าการเผยแพร่คดีของเขาจะทำให้หางานใหม่ได้ยากขึ้น
พันเอกกิตติ มาลีหวล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเกาะช้าง กล่าวว่าสองฝ่ายได้พบกันในการไกล่เกลี่ยที่อยู่ภายใต้การดูแลของตำรวจและบาร์นส์ยังจะต้องให้คำอธิบายต่อสถานทูตสหรัฐฯการขึ้นศาลครั้งต่อไปจะอยู่ในช่วงต้นเดือนตุลาคม
บาร์นส์กล่าวเพิ่มเติมว่าเขากลัวการติดคุกในช่วง 2-3 วันแรกที่ถูกคุมขังนั้นน่ากลัวมาก เขายังคงหวังว่าจะคลี่คลายคดีกับโรงแรมโดยตรงเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่ากระทบทั้ง 2 ฝ่าย
ฝ่ายโรงเเรมก็เสียชื่อเสียง ฝ่ายบาร์นส์เองก็เสียหน้าที่การงานและถูกดำเนินคดี หลายคนต่างก็ให้ความเห็นที่แตกต่างจากทั้ง 2 ฝ่าย บ้างก็มองว่า โรงแรมทำเกินไป หรือ มองว่าบาร์นส์ใช้โซเชี่ยลในทางที่ผิด
แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่ายก็คงได้บทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้
อ้างอิง : BBC News
