ปัจจุบัน หลายๆประเทศเริ่มยกเลิกการใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยน้ำมัน เนื่องจากสร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน และหันมาประกาศนโยบายเพื่อดึงให้คนหันมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น

วันนี้ที่งาน EV Tech Forum โดย รศ. ดร. ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟ้ฟ้าไทยกิตติมศักดิ์ เเละหัวหน้าศูนย์วิจัย MOVE มจธ. กล่าวว่า

“ความท้าทายของประเทศไทยคือ ประเทศเราจะสามารถเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ ไฟฟ้าได้หรือไม่ เพราะอุตสาหกรรมตอนนี้ เปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งจริงๆเเล้ว ต้องอาศัยความร่วมมือจากทางภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ เเละภาพประชาชน

ในการกำหนดนโยบาย ผลิตเทคโนโลยี ศึกษาวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี เเละ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ เพื่อ นำไปสู่ลมหายใจไร้ฝุ่น เเละผมก็เชื่อว่า ในอีก 5 ถึง 10 ปี จะมีรถยนต์ รุ่นยานยนต์ไฟฟ้า 100% อีกมาก”

ในขณะที่เนเธอแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ส่งเสริมนโยบายยานพาหนที่เป็นมิตรกับธรรมชาติอย่างจริงจัง โดยออกเงินช่วยเหลือกว่า 4,000 ยูโร หรือเกือบ 150,000 บาท สำหรับผู้ซื้อหรือใช้รถไฟฟ้า

นอกจากนั้นยังออกมาตรการลดภาษีให้กับบริษัทที่ลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนในเยอรมัน ทุ่มงบประมาณไปกับการวิจัยยานยนต์ไฟฟ้าและออกมาตรการดึงให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เช่น ยกเว้นการเก็บภาษียานยนต์ 5-10 ปี

ล่าสุด สหราชอาณาจักรเป็นอีกประเทศที่เตรียมยกเลิกการใช้รถยนต์เครื่องดีเซล โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรเผยว่า ประเทศ จะยกเลิกการขายยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซลและน้ำมันชนิดใหม่ภายในปี 2030

ซึ่งเร็วกว่าแผนการที่ตั้งไว้แต่เดิม 10 ปี โดยนอกจากเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว รัฐบาลอังกฤษตั้งเป้าว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยสร้างงนมากกว่า 250,000 ตำแหน่ง ในตอนกลางและตอนเหนือของประเทศ

โดยทางรัฐบาลสหราชอาณาจักรวางเงินลงทุนกว่า 1.7 พันล้านดอลล่าห์สหรัฐ เพื่อเพิ่มสถานีเติมแบตเตอรี่ให้รถยนต์ไฟฟ้า และเม็ดเงินกว่า 774 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือผู้ขับขี่ยานพาหนะที่หันไปใช้รถไฟฟ้าแทน

ปัจจุบันประเทศไทยหันมาใส่ใจกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะประชากรกำลังเผชิญกับวิกฤติมลพิษทางอากาศอย่างหนัก

โดยเฉพาะฝุ่นขนาดเล็กชนิด PM 2.5 จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษที่อ้างอิงถึงงานวิจัยในปี 2017 ไอเสียของรถยนต์ดีเซลคิดเป็น 20-30% ของแหล่งที่มาของฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ

ในขณะที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทยถือว่าเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ในปี 2562 มียอดขายรถไฟฟ้าในไทย 32,000 คัน ซึ่งนับว่ามากที่สุดในรอบ 5 ปี

ส่วนภาครัฐ เริ่มมีการหันมาผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 30% ในปี 2030

แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ และหวังว่าอนาคตอันใกล้นี้ รถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกของผู้ใช้ยานพาหนะในไทย เพราะนอกจากจะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

อ้างอิง: https://brandinside.asia/forecast-sale-electric-car-2019…/https://abcnews.go.com/…/uk-ban-selling-gas…/storyhttps://wallbox.com/en_us/netherlands-ev-incentiveshttps://erdi.cmu.ac.th/?p=1478https://www.prachachat.net/columns/news-296122