การชุมนุมประท้วงของคณะราษฎรมีความหลากหลายทั้งเชิงอายุ ซึ่งมีตั้งแต่นักเรียนมัธยมที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องการปฏิรูปการศึกษา คนที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเรียกร้องสิทธิทางร่างกาย ไปจนถึงความหลากหลายในเชิงพื้นที่ในการจัดการชุมนุม
ในอดีต การชุมนุมทางการเมืองมักมีขึ้นเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ อาจเพราะอำนาจในการบริหารประเทศเกือบทั้งหมดรวมศูนย์อยู่ในมหานครแห่งนี้
แต่ในปัจจุบัน การชุมนุมได้กระจายไปทุกภาคส่วนของประเทศ และหนึ่งในพื้นที่ๆมีกิจกรรมบ่อยที่สุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน
ตั้งแต่ต้นปี มีกิจกรรมทางการเมืองจัดขึ้นที่ภาคอีสานมากมาย ตั้งแต่ “เซิ้งไล่ลุง” ที่ขอนแก่น การชูสามนิ้วในโรงเรียน
ไปจนถึง การชุมนุมหน้าสถานที่สำคัญๆของจังหวัดต่างๆส่วนในโลกออนไลน์ มีการใช้แฮชแท็กอาทิ #อีสานสิบ่ทน #อีสานปลดแอก #อีสานปลดแอกปลาแดกจงเจริญ ควบไปกับข้อความหรือรูปภาพโจมตีรัฐบาล
กิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่อีสานจึงเรียกได้ว่า “เข้มขน” ไม่ต่างกับเมืองกรุง ‘ออฟ’ วิศรุต สวัสดิ์วร แกนนำกลุ่มอุบลปลดแอก อธิบายถึงสาเหตุที่มีการจัดการชุมนุม
ในส่วนอื่นๆของประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคอีสานว่า เป็นการลุกขึ้นสู่ของประชาชนที่โดนกดขี่มานานและการจัดงานในพื้นที่ของจังหวัดตนเอง
เป็นการเปิดพื้นที่ให้คนที่ไม่สะดวกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้แสดงออกทางการเมือง และเป็นสัญลักษณ์ว่า ‘ทั่วประเทศทนไม่ไหวแล้ว’
“คนอีสานเป็นประชาชนที่เรียกได้ว่าถูกกดขี่มาตลอด ตั้งแต่ยุคก่อนมีประชาธิปไตย การปราบกบฎผีบุญ ที่มีการพยายามที่จะมาแทรกแซงทางวัฒนธรรม มาเปลี่ยนแปลงแนวคิดของชาวอีสาน”
ชาวอีสานได้มีความหวัง และลืมตาทุกครั้งจากรัฐบาลประชาธิปไตย ด้วยความที่คนอีสาน รู้สึกเป็นฝ่ายถูกกระทำมาพอสมควรตั้งแต่การสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี ‘53
แต่ปัจจุบัน มันมีความไม่เป็นธรรมหลายๆอย่าง ตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา”“ในเมื่อเราเดินทางเข้ากรุงเทพไม่ได้ มันไม่สะดวก แต่เราจะทำอย่างไรให้เป็นการต่อสู้ที่เคียงข้างไปกับการชุมนุมในกรุงเทพ
เป็นการต่อสู้แบบขนานกันไป เราเป็นแนวร่วมขนานกันไป หากวันหนึ่งกรุงเทพอาจเพลี่ยงพล้ำแต่อีสานยังอยู่”#อุบลปลดแอก เป็นหนึ่งในกลุ่มที่จัดกิจกรรมทางการเมืองมากที่สุดในภาคอีสาน
ตั้งแต่ต้นปี มีการจัดกิจกรรมทางการเมืองไปกว่า 30 ครั้ง โดยล่าสุด ทางกลุ่มมีการจัดนิทรรศการศิลปะ #ubonagenda ซึ่งจัดงานศิลปะที่ว่าด้วยเรื่องราวการต่อสู้ของ “กบฏผู้มีบุญ”
ไปจนถึงการหายตัวไปของ “วันเฉลิม” นอกจากนี้ยังมีการขยายดพื้นที่จัดกิจกรรมทางการเมืองไปต่างอำเภอ
“ทุกวันนี้เริ่มมีการจัดกิจกรรมต่างอำเภอแล้ว กิจกรรมได้รับการตอบรับดีมาก ล่าสุดที่อำเภอนาจะหลวย ติดชายแดนเลย ชาวบ้านตอบรับดี มีตั้งแต่เด็กมัธยมไปจนถึงวัยทำงาน”
ออฟกล่าว ก่อนทิ้งท้ายว่า “นี่เป็นการบ่งบอกว่าการมีส่วนร่วมกับประชาธิปไตย ทุกอำเภอพร้อมลุกขึ้นมา”