แอมเนสตี้แถลง การดำเนินคดีต่อแกนนำ เป็นการ ปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออก

แอมเนสตี้แถลง การดำเนินคดีต่อแกนนำ เป็นการ ปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออก

แอมเนสตี้แถลงหลังการดำเนินคดีต่อแกนนำและผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากคือการปิดกั้นเสรีภาพในการชุมนุม การแสดงออกและการเเสดงความเห็นต่างอย่างเป็นระบบ

สืบเนื่องจากการดำเนินคดีต่อแกนนำและผู้เข้าร่วมการชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 ที่มีจำนวนมากกว่า 382 คน ใน 207 คดี การไม่ให้ประกันตัวสี่แกนนำที่ผ่านมา การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการต่อผู้เข้าร่วมการชุมนุมอีก 18 คน

และการไม่ให้ประกันตัว ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ภาณุพงศ์ จาดนอก และ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา จากการชุมนุมใน #ม็อบ19กันยายน ทวงอำนาจคืนราษฎร รวมถึงปิยรัฐ จงเทพ สืบเนื่องจาก #ม็อบ6มีนาคม ถือเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกและความคิดเห็นต่างอย่างเป็นระบบ

นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งที่ทางการไทยดำเนินคดีต่อแกนนำและผู้เข้าร่วมการชุมนุมจำนวนมากอย่างเป็นระบบ ซึ่งในบางคดี หากมีการพิจารณาว่ามีความผิดจะมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี

ซึ่งเป็นการลงโทษที่รุนแรงและไม่ได้สัดส่วน อีกทั้งยังมีระยะเวลาการดำเนินคดีที่ยาวนาน การดำเนินคดีต่อกับผู้เห็นต่างหรือผู้วิจารณ์การทำงานรัฐ จึงถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อปิดปากและตอบโต้บุคคลที่กล้าท้าทายอำนาจรัฐ

“การดำเนินคดีจำนวนมากและการไม่ให้ประกันตัว สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมกลายเป็นเครื่องมือในการโจมตีสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ ประชาชนย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะออกมาแสดงความเห็นและมีส่วนร่วมต่อประเด็นทางสังคม

“ทางการไทยต้องยุติการปฏิบัติต่อผู้ออกมาวิจารณ์ราวกับเป็นอาชญากรหรือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐ พวกเขาควรได้รับการปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาโดยทันทีหากขาดหลักฐานว่ากระทำความผิดอาญาตามหลักสากล”

https://www.amnesty.or.th/latest/news/892/#TheFeatures

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *