ทุกคนมีสิทธิหายใจในอากาศสะอาด : ส่องนโยบายต่างชาติแก้ปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ที่ถล่มกรุงเทพฯตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
ส่งผลให้อากาศในเมืองหลวงของไทยทยานติดท็อปเท็น จากการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดของโลก ของเว็บไซต์ airvisual.com
มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงหลายปีมานี้ เพราะส่งผลต่อสุขภาพประชากรโดยตรง ตั้งแต่ระบบทางเดินหายใจ
ทำให้ปัญหาสุขภาพที่มีอยู่แล้วกำเริบ เช่น หัวใจวาย หลอดเลือดในสมองตีบ เพิ่มอัตราความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง ไปจนถึงทำให้แก่เร็วและอายุสั้นลง
โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่า มลพิษในอากาศคร่าชีวิตคนจากทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านคนต่อปีด้วยเหตุนี้ทำให้ต่างประเทศเริ่มวางแผนการรับมือกับมลพิษทางอากาศระยะยาว
The Features จึงพาไปส่องนโยบายต่างชาติ ว่าเริ่มทำอะไรกันแล้วบ้างเพื่อลดมลพิษทางอากาศ และคืนสิทธิการมีอากาศบริสุทธิ์ให้พลเมืองได้หายใจ
- ลด-ยกเลิกการใช้เครื่องยนต์เชื้อเพลิง
ประเทศแถบยุโรปและเอเชียหลายประเทศ มีมาตรการอย่างจริงจังในการลดการใช้เครื่องยนต์ดีเซล เพราะถือเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ
รัฐบาลอังกฤษประกาศช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าจะแบนการขายรถยนต์เชื้อเพลิงตั้งแต่ปี 2030 เช่นเดียวกันกับกรุงอัมสเตอร์ดัมที่ประกาศแบนเครื่องยนต์สันดาปภายในปีเดียวกัน
ส่วนเยอรมันออกมาตรการห้ามรถยนต์เก่าวิ่งในกรุงเบอร์ลิน ในขณะที่รถเครื่องยนต์ดีเซลถูกแบนในเมืองสำคัญๆแล้ว
ส่วนฝรั่งเศสจะเริ่มการแบนในปี 2040 ทางฝั่งเอเชียก็มีความตื่นตัวด้านมลพิษทางอากาศกันมาก อย่างกรุงโซล เกาหลีใต้ ประกาศห้ามซื้อรถยนต์เชื้อเพลิงที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะแล้ว และจะทยอยเปลี่ยนรถแท็กซี่ รถบัส และรถขนส่งสาธารณะอื่นๆ ให้เป็นรถยนต์พลังงานสะอาดภายในปี 2025
ถัดมาไม่ไกล ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาแบนรถเครืองดีเซลและแทนที่ด้วยรถพลังงานไฟฟ้าในปี 2035
ฝั่งรัฐบาลอินเดีย ออกนโยบายห้ามรถยนตร์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่และรถ SUV แรงม้ามากกว่า 2000 ซีซี และมีการทดลองนโยบายสลับวิ่งวันคู่วันคี่
ส่วนเพื่อนบ้านอาเซียนไทยอย่างสิงคโปร์ประกาศเตรียมแบนรถเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2040
- ส่งเสริมการใช้รถโดยสาร-จักรยาน-เดิน
หลังจากล็อกดาวน์เนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัสในอิตาลี พบว่ามลพิษทางอากาศลดลงกว่า 30-75% ทำให้ทางรัฐบาลเตรียมแผนลดการใช้รถในเมือง พร้อมส่งเสริมการเดินทางด้วยจักรยาน
โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมืองมิลานได้เปลี่ยนพื้นถนนกว่า 35 กิโลเมตรให้เป็นทางจักรยานและทางเดินเท้า
ส่วนฝรั่งเศสทุ่มเงินกว่า 22 ล้านดอลล่าห์สหรัฐส่งเสริมการปั่นจักรยาน ตั้งแต่ช่วยค่าซ่อมจักรยานไปจนถึงการบริการที่จอดรถเมืองหางโจวของจีนเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 อย่างมาก โดยเฉพาะมลพิษที่เกิดจากไอเสียรถยนต์
อย่างไรก็ดีในปี 2008 จีนได้เริ่มโปรเจ็คการแชร์จักรยาน (Bike Sharing)โดยมีการจัดวางจักรยานไว้ให้ประชนชนได้ใช้ฟรีๆ สำหรับการเดินทางในระยะใกล้ ซึ่งนอกจากจะช่วยคลายปัญหารถติดแล้ว ยังลดมลพิษทางอากาศด้วย
- เพิ่มพื้นที่สีเขียว
อย่างที่ทราบกันว่า ต้นไม้สามารถดูดมลพิษทางอากาศและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ให้เราได้ นอกจากนี้ Prashant Kumar ผู้อำนวยการศูนย์ Global Centre for Clean Air Research ของมหาวิทยาลัยเซอร์รีย์ ประเทศอังกฤษ ชี้ว่าพื้นที่สีเขียวช่วยดูดซับฝุ่น PM ได้
โดยตรงด้วยเหตุนี้ ทำให้จีนตั้งเป้าปลูกต้นไม้บนพื้นที่กว่า 84,000 ตารางกิโลเมตรเพื่อลดมลภาวะทางอากาศ
ส่วนสิงคโปร์เตรียมปลูกต้นไม้กว่า 1 ล้านต้นเพื่อรักษะระบบนิเวศน์และลดมลภาวะทางอากาศด้วย สืบเนื่องจากการเติบโตของเมืองที่ใหญ่ขึ้น
- หันไปใช้พลังงานทดแทน
รู้หรือไม่ ปัจจุบัน 95% ของไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศคอสตาริกามาจากพลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ แสงแดด และลม พร้อมตั้งเป้าใช้พลังงานสะอาดทั้งหมดในปี 2021
เช่นเดียวกับนิการากัว ประเทศในอเมริกากลาง ที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม แสงแดด และความร้อนใต้พิภพข้ามมาฝั่งยุโรป
ประเทศสก็อตแลนด์ สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้มากถึง 98% ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ
ส่วนเดนมาร์คผลิตพลังงานกว่าครึ่งของประเทศจากพลังงานจากลมและแสงแดด โดยตั้งเป้าว่าจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทนทั้งหมดในปี 2050
อ้างอิง: https://www.climatecouncil.org.au/11-countries-leading…/https://www.transportenvironment.org/…/after…https://www.theguardian.com/…/milan-seeks-to-prevent…https://www.weforum.org/…/france-air-pollution-cycling…/https://www.unenvironment.org/…/bicycle-comeback…https://www.bbc.com/…/20200504-which-trees-reduce-air…https://futurism.com/china-plant-32400-square-miles-trees…https://www.weforum.org/…/singapore-plant-million…/