เจ็บแผลยังหาย แต่เจ็บปวดจากความทรงจำและการตัดสินใจที่ผิดพลาดในอดีต ทำอย่างไรจะลืมลง จะดีไหมถ้าเราย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้?
About Time เสนอแง่มุมใหม่ๆ ของการเดินทางข้ามเวลา
The Features ชวนดู จะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์เเล้วหาหนังที่มีคุณค่าทางจิตใจดูกันดีกว่า About Time เล่าเรื่องราวของ ทิม เลค (นำแสดงโดย Domhnall Gleeson) หนุ่มตัวผอมสูง ผมแดง ที่เติบโตในครอบครัวอันอบอุ่นย่านชนบทของประเทศอังกฤษ
ภาพยนตร์เปิดด้วยฉากงานฉลองเคาดาวน์ปีใหม่ โดยทิมยืนอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งขณะนับถอยหลัง เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ทุกคนจูบกับคู่ควงในงาน…
ยกเว้นทิม “ขี้ขลาด” คือความรู้สึกของทิมเมื่อตื่นขึ้นในวันถัดไปอย่างไรก็ดี ช่วงสายของวันเดียวกัน พ่อของทิมบอกความลับกับเขาว่า
ผู้ชายทุกคนในตระกูลสามารถเดินทางย้อนเวลาได้ซึ่งถ้าเป็นหนังย้อนเวลาทั่วไป โมเม้นนี้ต้องเป็นโมเม้นที่เปลี่ยนชีวิตของตัวเอกไปตลอดกาล… แต่ไม่ใช่ About Time
ทิมตัดสินใจจะใช้การย้อนเวลาเพื่อหาแฟนสักคน โดยเริ่มจากการจีบ ชาล็อท เพื่อนของน้องสาวที่มาพักที่บ้านกว่าหนึ่งเดือน แต่ไม่ว่าจะย้อนเวลาไปกี่ครั้ง ทิมก็ไม่สามารถเอาชนะใจชาลอทได้
“นักเดินทางข้ามเวลาไม่สามารถทำให้คนตกหลุมรักได้” คือบทเรียนที่ทิมได้เรียนรู้หลังอกหักจากชาล็อท ต่อมา ทิมย้ายไปทำงานในสำนักทนายในกรุงลอนดอน และได้พบกับแมรี่ในร้านอาหาร (นำแสดงโดย Rachel McAdams)
ทั้งคู่แต่งงานกันและใช้ชีวิตอย่างราบเรียบ แต่ในขณะเดียวกัน ทิมก็พยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ ทั้งชีวิตการทำงานและการช่วยปัญหาครอบครัวของคิทแคท น้องสาวของเขา
จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อเขาป่วยด้วยโรคมะเร็ง ตอนนี้เองที่ทิมตระหนักว่าเขาจะไม่สามารถย้อนเวลาไปเจอพ่อเขาในอดีตได้ เพราะจะส่งผลกระทบกับทุกอย่างใน “ปัจจุบัน”
โดยเฉพาะลูกของเขา ที่จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทิมจึงตัดสินใจ “บอกลา” พ่อของเขาไปตลอดกาล และแก้ปัญหาครอบครัวของน้องสาว “ในปัจจุบัน” แทนการย้อนเวลาไปแก้ไขอดีต
และนั่นทำให้เขาตระหนักว่าการใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆวันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ในเชิงเนื้อเรื่อง About Time เสนอมุมมองใหม่ๆที่ไม่หวือหวาสักนิดให้กับทฤษฎีการย้อนเวลา
ถึงแม้ตัวหนังจะวนเวียนอยู่กับการย้อนเวลาเป็นหลัก แต่จุดใหญ่ใจกลางไม่ได้อยู่ที่เรื่องของอดีต ปัจจุบัน อนาคต และผลกระทบของการย้อนเวลาสักนิด
เพราะตัวภาพยนตร์เน้นหนักไปที่ “ปัจจุบัน”ฉากย้อนเวลาของ About Time จึงเหมือนมาแล้วไป เพราะทุกครั้งที่ทิมย้อนเวลา มันไม่ได้ส่งผลเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาเลย
ในทางกลับกัน ตัวหนังเน้นหนักไปที่รอยยิ้ม ความสุข ความเศร้าของ “ปัจจุบัน” เสียมากกว่าบทบทสรุปที่ดีที่สุดของภาพยนต์เรื่องนี้คงหนีไม่พ้นคำพูดทิ้งท้ายของทิมที่ว่า:
“ความจริงคือผมไม่เดินทางย้อนเวลาแล้วแม้แต่วันเดียว ผมแค่พยายามใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขที่สุด ราวกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิตที่น่าอัศจรรย์อันราบเรียบของผม”