ยังจำได้ไหม? Cafe’ รถไฟฟ้า…มาหานะเธอ

ยังจำได้ไหม? Cafe’ รถไฟฟ้า…มาหานะเธอ

ลอยละล่อง + ด็อกบาร์ : โรงแรมสุดชิวริมน้ำเจ้าพระยา กับการปรับตัวในยุคโควิด 19ยังจำได้ไหม บ้านไม้ริมน้ำของ “คุณลุง” ที่รับบทโดยเคน ธีรเดชในภาพยนตร์รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ปัจจุบันได้กลายเป็นโรงแรมบูติกริมแม่น้ำเจ้าพระยาชื่อ “ลอยละล่อง”

สราวุธ ศาสนนันท์ หรือ คุณซี เจ้าของโรงแรม อธิบายที่มาของชื่อโรงแรมว่า “ผมอยู่บริษัทโฆษณามาก่อน ชื่อมันต้องสื่อถึงสถานที่ ชื่อลอยละล่อง มันดูน้ำๆ เหมาะกับที่ตั้งโรงแรม แต่ข้อสำคัญจริงๆคือ

ชื่อนี้สื่อถึงอิสระภาพ คุณอยู่กับออฟฟิศ ขับรถจากเอไปบีอยู่ 15 ปี ชื่อนี้มันสะท้อนความเป็นอิสระว่า กูไปแล้วนะ กูลอยแล้วนะ” หากมาที่โรงแรมริมน้ำแห่งนี้ จะสัมผัสได้ว่าความพิเศษของโรงแรมไม่ใช่เพราะบรรยากาศสุดชิวดั่งที่เห็นในภาพยนตร์ดังเพียงอย่างเดียว

แต่เป็นเพราะการบริการ และเอกลักษณ์ในการตกแต่งที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ทำให้ผู้มาพักรู้สึกราวกับกำลัง “ลอยละล่อง” อยู่จริงๆ

จุดเริ่มต้น ลอยละล่อง “ผมนั่งเรือผ่านแล้วมองเห็นที่นี่ติดป้ายให้เช่า ตอนนั้นเริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับงานโฆษณา ผมไม่ตื่นเต้นกับมันแล้ว อาทิตย์บ่าย 3 นี่เริ่มนอยด์แล้ว เลยคิดว่า เอาวะ ลองโทรดู”

หลังจากทำงานในวงการโฆษณากว่า 15 ปี คุณซีตัดสินใจลาออกจากงานและใช้เงินเก็บเพื่อเปลี่ยนบ้านไม้เก่าแก่หลังนี้ให้กลายเป็นโรงแรม เจ้าตัวเล่าว่าโรงแรมแห่งนี้ถูกตกแต่งโดยอิงความชอบส่วนตัวและประสบการณ์ที่ไ่ด้เห็นจากโรงแรมต่างๆตอนไปเที่ยว

“ตั้งแต่วันแรกที่ทำโรงแรม ผมรู้สึกว่าโรงแรมนี้เราอยู่เยอะสุด เยอะกว่าแขก เพราะงั้นเราต้องชอบก่อน ผมก็ทำอะไรที่ผมชอบก่อน แล้วผมก็หวังให้คนที่มาพักชอบเหมือนกัน ผมไม่ได้มีหลักการอะไรเลย ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครทำ ผมก็ไม่รู้ทำยังไง ก็อาศัยประสบการณ์ของเราคือการไปเที่ยว”

10 ปีผ่านไป กับวิกฤติที่ลองละล่องต้องเจอ ลาออกมาทำ “ลอยละล่อง” อย่างเต็มตัว ก็ต้องเผชิญกับวิกฤติน้ำท่วมกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้โรงแรมต้องปิดไปกว่าหนึ่งเดือน

แต่คุณซีเล่าว่าเพราะเหตุการณ์น้ำท่วมนี่แหละ ที่ทำให้เขาเข้าใจธรรมชาติของวิกฤติ และเลือกที่จะยอมรับและเข้าใจก่อน แล้วจึงพยายามหาทางแก้ไขปัญหา

“ทำที่นี่ครั้งแรกปี 54 พอเปิดปุ๊บน้ำท่วมปั๊บ ตอนน้ำท่วมนั้นยังมีคราบหนุ่มโฆษณาอยู่ พยายามจะต่อสู้กับธรรมชาติ พยายามไม่ให้น้ำมันเข้ามาในโรงแรม คือโฆษณามันต้องได้ดั่งใจ แต่ ณ วันนั้น มันธรรมชาติ ข้างบ้านเขาก็หัวเราะว่าเรากำลังทำอะไร แต่พอเรารู้สึกว่าเราไม่ต้องสู้ มันเป็นเรื่องของการยอมรับมากกว่า”

“แล้วช่วงโควิดนี่ยิ่งหนัก เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เป็นปัญหาที่ไม่เคยเจอ และไม่รู้จะแก้อย่างไร ลูกค้าลดลงเหลือศูนย์เลย สุดท้ายก็ปิดไปสองเดือนกว่า” “ตอนที่โควิดกระทบหนักๆ เหมือนตอนที่น้ำท่วม ผมยอมรับและเข้าใจ

แล้วก็นั่งดูมันก่อน กินเบียร์นั่งดูไปเรื่อย แล้วเดี๋ยวมันก็มีทางของมัน ตอนนี้สถานการณ์จิตใจดีขึ้น ส่วนเรื่องอื่นมันก็ประมาณหนึ่ง ผมก็เริ่มทำบาร์ แล้วบอกน้องๆในร้านให้ลองทำอะไรใหม่ๆ”

แขกที่มาพักที่ลอยละล่องส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ แต่เพราะการระบาดของโคโรน่าไวรัส ทำให้รายรับหลักของโรงแรมที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ลอยละล่องจึงเปิด

“ด็อกบาร์” ขึ้น “พึ่งเปิดบาร์ชื่อด็อกบาร์ เปิดมาได้สองสัปดาห์ มันใหม่สำหรับผมมาก เราก็เรียนรู้ไปร่วมกัน พอผมเปิด ผมก็รู้ว่าผมมีจุดอ่อนอะไร แล้วมันก็กลายเป็นเกิดโมเดลใหม่ๆ ก็คือไปเชิญเชฟที่เขาเก่งมาทำ แต่ละคนก็หาทางเลือกใหม่ๆ

เราก็ได้เห็นศักยภาพของแต่ละคน” เมื่อถามว่าทำไมถึงชื่อด็อกบาร์ คุณซีตอบพลางหัวเราะว่า “ผมมีตุ๊กตาหมาอยู่สองตัว แล้วผมคิดในใจ มันไม่ค่อยทำหน้าที่อะไรเลย วันๆมันก็นั่งดู ผมก็นั่งมองว่า มันต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อโรงแรม เลยเป็นที่มาของด็อกบาร์”

ผมใช้เวลาจากเช้าถึงเย็นที่โรงแรม ตั้งแต่แดดออก จนฝนตก จนพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศในโรงแรม และเพลงที่เปิดคลอไปกับเสียงไหวของสายน้ำ มันทำให้รู้สึกราวกับกำลัง “ลอยละล่อง” อยู่จริงๆนะ

ด็อกบาร์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 15.00 – 22.00

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *