คนไทยในอเมริกา คิดอย่างไร ถ้าไบเดนเป็นประธานาธิบดี

คนไทยในอเมริกา คิดอย่างไร ถ้าไบเดนเป็นประธานาธิบดี

คุยกับนักศึกษาไทยในสหรัฐอเมริกา ถ้าไบเดนชนะส่งผลอย่างไรต่อคนไทยที่โน่น

จากผลนับคะแนนล่าสุด มีแนวโน้มว่า โจ ไบเดน จากพรรค Democrat จะขึ้นเป็นประธานาธิปดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา และมีการคาดการณ์ว่าจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน

แต่ด้านที่น่าติดตามสำหรับคนไทยมากที่สุดคงหนีไม่พ้นนโยบาย เรื่องสิทธิมนุษยชนและผู้อพยพ

The Features จึงพามาคุยกับ ณัฐพล เจริญชัย นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ชิคาโก

ถึงบรรยากาศการเลือกตั้งในสหรัฐ ผลกระทบของรัฐบาลโดนัล ทรัมป์ตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่งต่อนักศึกษาและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่อเมริกา และแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงหากโจ ไบเดนนั่งเก้าอี้ประธานาธิปดี

“เมื่อคืนนี้เครียดทุกคน เพื่อนที่เป็นรูมเมทวิตกกังวลมากว่าถ้าทรัมป์ได้จะเป็นอย่างไร สิ่งที่มันเกิดขึ้นตลอด 4 ปีที่ผ่านมา หลายคนบอกว่าพอแล้ว ไม่เอาแล้ว” ณัฐพล เล่าให้ฟังผ่านการสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์

“ผลมันใกล้เคียงมาก ดังนั้น ทุกคนเลยจดจ่อ เครียด พวกที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตก็ยิ่งเครียดมาก”

ณัฐพลอธิบายว่า ตั้งแต่โดนัล ทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิปดีสหรัฐในปี 2017 มีนโยบายการกีดกันเชื้อชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวต่างชาติที่เดินจะเดินทางเข้าอเมริกาหรือแม้แต่อาศัยอยู่ในประเทศ

ไม่เพียงเท่านั้น การที่ทรัมป์เน้นนโยบายชาตินิยมและแสดงออกถึงการเหยียดเชื้อชาติ ทำให้ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐรุนแรงขึ้น

“ถ้าทรัมป์ยังเป็นประธานาธิปดี การที่คนไทยจะย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกาเป็นอะไรที่ยากมาก ทุกวันนี้มีเพื่อนคนไทยที่ทำงานประจำที่นี่ แต่ยังไม่ได้กรีนการ์ด และการได้กรีนการ์ดตอนนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆ หางานก็ยากแล้ว”

“พฤติกรรมของทรัมป์ทำให้เห็นชัดว่าเขาเหยียดเชื้อชาติ เป็นคนชาตินิยม อเมริกาต้องมาก่อน มันเลยส่งผลถึงพวกชาตินิยมหัวรุนแรง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ โดยทางอ้อมแล้วสิ่งที่ทรัมป์ทำมันไปสนับสนุนคนพวกนั้นให้กล้าที่จะแสดงออกในการเหยียดเชื้อชาติ มันจึงมีคนที่ถูกทำร้ายร่างกาย”

“ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ตอนกำลังเดินๆอยู่ช่วงโควิดช่วงแรกๆ ทรัมป์พูดว่าไวรัสจีน มันกลายเป็นว่าคนขาวกลุ่มหนึ่งก็แยกไม่ออกว่าใครเป็นคนจีน

บางคนโดนทำร้ายร่างกายเพราะเป็นคนเอเชีย ก็คือเป็นคนไทยที่เดินไปเดินมา และอยู่ดีๆก็โดนทำร้ายร่างกาย”

จากเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติและสีผิว โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดคือเหตุการณ์เสียชีวิตของชายผิวดำ จอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งทำให้เกิดกระแส Black Lives Matter ทั่วโลก

ณัฐพลมองว่าแนวคิดเรื่อง Melting pot ของอเมริกาหายไปหลังจากทรัมป์ขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิปดีแนวคิดเรื่อง Melting Pot คือแนวคิดที่อยู่คู่กับการสร้างชาติของอเมริกา Melting Pot

สื่อถึงหม้อที่หลอมรวมความแตกต่างมาไว้ในที่เดียวกัน เปรียบเสมือนคนหลากหลายเชื้อชาติและ ชาติพันธ์ เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกันในสหรัฐจนกลายเป็นอัตลักษณ์ของประเทศ

ทั้งนี้ ณัฐพลมองว่าหากโจ ไบเดนเข้ามาเป็นบริหารสหรัฐ จะทำให้ความเป็น Melting Pot ของอเมริกากลับมาอีกครั้ง แต่ความเปลี่ยนแปลงอาจไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

“สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างแรกหลังจากนี้คือคนที่ชาตินิยมมากๆก็จะถูกตราหน้ามากขึ้น ส่งผลต่อมุมมองโลกว่าเขาไม่สามารถไปบังคับคนอื่นได้ ในความรู้สึกเรา

มันทำให้เรารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ในเมืองนี้ขนาดเป็นเมืองที่มีมหาลัยอยู่ เราคิดว่ามันเป็นเมืองที่ปลอดภัย แต่มันก็ยังมีการทำร้ายร่างกายเพราะการเหยียดสีผิว”

“ผมมองว่าในยุคของไบเดน การยอมรับเรื่องชาติพันธ์ เพศสภาพ หรือความแตกต่างของกันและกันมันกลับมาแน่ๆ มันจะเปิดมากขึ้น เพราะฝั่ง Democrat เป็นฝั่งที่หัวก้าวหน้ามากกว่า

เพราะฉะนั้นฝั่งนี้จะผลักดันเรื่อง LGBTQ+ ในความรู้สึกเรา เรื่อง melting pot มันกลับมาแน่นอน และมันจะทำให้คนกลับมาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และรู้สึกปลอดภัยขึ้น”

อย่างไรก็ดี นี่คือการคาดการณ์เพียงเท่านั้น การขอวีซ่าไปอเมริกาจะง่ายขึ้นไหม ชีวิตคนไทยในสังคมอเมริกันจะเป็นอย่างไร คงต้องตามดูกันต่อไป…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *