เเรงงานพม่ากับโควิด19

เเรงงานพม่ากับโควิด19

พูดคุยเปิดใจชาวเมียนมา ในเเหล่งเเรงงานเมียนมา จังหวังระนอง กับวิกฤตโควิด-19 ที่พวกเขาถูกมองด้วยสายตาหวาดระเเวงจากคนท้องถิ่น

ที่ผ่านเราคงได้เห็นข่าวมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านลักลอบเข้ามาประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติ แถมมีคนไทยอีกหลายคนที่รับเงินเพื่อลักลอบขนแรงงานผิดกฏหมายเข้ามา

ถึงแม้จะเจ้าหน้าที่จะพยายามลาดระเวนตรวจตราขนาดไหน โทษจะหนักเท่าไร แต่การเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้ามาแสวงโชคก็ยังดีกว่าอยู่อย่างอดๆอยากๆในประเทศตัวเองที่ไม่มีแม้แต่งานจะให้ทำซึ่งแปลว่ายิ่งไทยต้องปิดเมืองเพราะโควิดนานเท่าไร ตัวเลขคนลักลอบเข้าเมืองก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ความพยายามลักลอบเข้าไทยอย่างผิดกฏหมายสร้างความไม่พอใจให้คนไทยเป็นอย่างมาก ในๆทุกๆข่าวที่โพสต์บนสื่อออนไลน์มักจะมีคอมเม้นท์ก่นด่า ดูถูกเหยียดหยาม ขับไสไล่ส่ง และสั่งให้อยู่ให้ห่างจากประเทศไทย

อย่าเอาโควิดมาแพร่คนไทย ปัญหานี้ลุกลามบานปลายไปถึงแรงงานที่เข้าไทยมาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ตั้งแต่วันที่โควิดเริ่มระบาดในประเทศไทยพวกเขาก็ต้องอยู่อย่างกระเบียดกระเสียนงานและเงินที่น้อยลงเพราะโรคระบาดไม่ต่างจากคนไทย แต่จะให้กลับประเทศบ้านเกิดที่จากมาเพราะไม่มีงานให้ทำก็คงไม่ใช่ทางออก

เรามีโอกาสได้คุยกับหญิงชาวเมียนมาร์ชื่อ วา ไข่ ขณะที่เธอเข้ามารับบริการฝากครรภ์ ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดระนอง เธอทำงานและอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยได้ 12 ปีแล้วโดยเริ่มเข้ามาทำงานที่ไทยตั้งแต่อายุ 15 จนถึงตอนนี้ก็อายุ 27 ปีแล้วและกำลังท้องลูกคนที่ 2

เธอบอกกับเราว่าตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดในประเทศไทยซึ่งขณะนั้นยังไม่มีข่าวการระบาดในประเทศเมียนมาร์ ชีวิต 12 ปีของเธอในประเทศไทยทำให้เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทยและมั่นใจแน่ว่าจะไม่กลับบ้าน อีกทั้งเธอกำลังตั้งท้องอยู่ การกลับไปฝากครรภ์ต่อที่ประเทศเมียนมาร์คงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ด้วยความโชคดีหรือการทำงานอย่างหนักของบุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัด ปรากฏว่าจังหวัดระนองเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ไม่พบการแพร่ระบาดเลยตั้งแต่เริ่มปิดประเทศ ธุรกิจกลับเปิดและค่อยๆฟื้นตัว แรงงานชาวเมียนมาร์กลับมาทำงานได้ปกติ บางรายโชคดีที่นายจ้างจ่ายเงินช่วยเหลือแม้จะไม่มีงานให้ทำ

ระหว่างที่เราคุยกันในหลายๆเรื่องเธอขอบคุณคนไทยเสมอที่ให้โอกาสและทำให้เธอมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่เคยรู้สึกว่าคนไทยปฏิบัติกับเธอแบบสองมาตรฐาน

จนกระทั่งวันนี้ที่มีข่าวว่ามีคนพยายามลักลอบเข้ามา เธอรู้สึกเสียใจและขอโทษแทนเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งตั้งแต่พบว่ามีความพยายามลักลอบเข้าไทย ทำให้คนไทยหวาดระแวงและแอนตี้คนเมียนมาร์ เธอยอมรับว่าเธอไปไหนมาไหนน้อยลงและจะไม่เดินทางออกนอกพื้นที่ๆทำงานและละแวกบ้านถ้าไม่จำเป็น วันนี้เธอบอกกับเราว่าเธอสัมผัสได้ว่าคนไทยบางคนมองแรงงานเมียนมาร์ต่างไป แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าใครเข้ามาอย่างถูกหรือผิดกฏหมาย คนในพื้นที่เองก็ค่อนข้างรู้ดีว่าก่อนหน้าที่จะมีการตรวจตราตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด มันมีการลักลอบเข้าประเทศไทยจริงและสำเร็จมาแล้ว

วา ไข่ บอกกับเราทิ้งท้ายไว้ว่าเธอและแรงงานเมียนมาร์ไม่เคยคิดที่จะเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้คนไทย พวกเธอแค่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นมีเงินส่งให้พ่อแม่ สามารถหาเลี้ยงครอบครัวไปได้ และก็รู้ว่าต้องอยู่อย่างเจียมตัว ซึ่งก็ตรงกับประสบการณ์ของผู้เขียนที่พบเจอกับแรงงานเมียนมาร์ส่วนใหญ่เพราะพวกเขามักจะถ่อมตัวและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเวลาเราต้องการความช่วยเหลือ

รู้หรือไม่ว่ากว่าจะเข้ามาทำงานอย่างถูกกฏหมายในประเทศไทยได้ต้องผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่ยาวนานมากและต้องมีนายจ้างชาวไทยรับรองและที่อยู่ที่ชัดเจนในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ต้องอยู่ในจังหวัดที่ทำงาน รวมถึงต้องซื้อประกันสุขภาพราคา 2100 บาทต่อปีเพื่อรับบริการสุขภาพในโรงพยาบาลรัฐของไทยเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เบียดเบียนสิทธิ์การรักษาของคนไทย

อาชีพส่วนใหญ่ที่แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานคืออาชีพที่คนไทยไม่ทำแล้ว เช่นลูกเรือประมง คนงานโรงงานผ้า โรงงานแปรรูปอาหาร คนงานในสวนและอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นอุตสาหกรรมหลักและผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่ประชากรไทยต้องใช้ในชีวิตประจำวัน การขาดแรงงานเหล่านี้จะทำสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจและระบบเศรษฐกิจภาพรวมของทั้งประเทศอย่างสาหัส

The Features ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะบอกว่าการที่คนไทยระมัดระวังตัวจากต่างด้าวเป็นเรื่องที่ผิดหรือหวาดระแวงเกินไป แต่อยากให้เข้าใจว่าแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมายมีความจำเป็นต่อการขับเคลื่อนประเทศ และอยากให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติภายใต้การคัดกรองและป้องกันอย่างเข้มงวด

#TheFeatures
#เเรงงานพม่ากับโควิด19

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *